หวนคืนสังเวียน คอนเนอร์ แม็คเกรเกอร์ ยอดนักสู้มวยกรงชาวไอริช ประกาศกลับสู่สังเวียนแปดเหลี่ยมเป็นครั้งที่ 3 อย่างเป็นทางการเรียบร้อย
หวนคืนสังเวียน โดยจะทำศึกทำสงคราม รีแมตช์ รุ่นไลท์เวท กับ ดัสติน พัวริเยร์ คู่แข่งขันเก่าชาวอเมริกัน ที่มีดีกรีเป็นอดีตแชมป์ เฉพาะกาล ในศึก 257 ตอนต้นปีต่อไป
ที่ผ่านมา ประกาศรีไทร์เลิกต่อสู้ไปแล้ว หลังชนะน็อก โดนัลด์ เซอร์โรน เมื่อตอนต้นปีให้หลัง ด้วยเหตุผลประเด็น การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บวกกับหาคู่ต่อสู้ไม่ได้ ทำให้ จอมเกรียนไอริช ประกาศหันหลังลาวงการในที่สุด
แต่ปัจจุบัน ประกาศการันตีอย่างเป็น ทางการว่า ได้เซ็นสัญญาคืน สังเวียนเป็นคำรบที่ 3 เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีคิวขึ้นตะบันหน้ากับคู่ปรับเก่าอย่าง “จอมแกร่งหัวใจเพชร” ดัสติน รองแชมป์โลกอันดับ 2 ที่เคยเจอ กันมาแล้ว เมื่อ 6 ปีก่อน โดยคราวนั้น “เดอะ โนโทเรียส” ใช้กำปั้นขวาเป็นอาวุธเด็ด ก่อนเป็นข้างชนะ (TKO) ตั้งแต่ยกแรก ในรายการ 178 ที่มหานคร ลาส เวกัส ในปี 2014 ดูมวยสดวันนี้
สำหรับผลงานของทั้งคู่ในระยะหลัง แพ้เพียงไฟต์เดียว แค่นั้นจากการขึ้นต่อสู้ 6 ไฟต์หลังสุด ซึ่งก็เป็นการปราชัยในการชิงชนะเลิศโลกกับ คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ ยอดนักสู้ไม่มีพ่ายแพ้ที่เพิ่ง จะรีไทร์ไป ส่วนถ้านับสถิติเฉพาะรุ่นไลท์เวท ก็จะเป็นชนะ 1 แพ้ 1 ซึ่งการแพ้ที่เกิดขึ้นก็เป็นการแพ้แบบ ซับมิทชัน ให้กับ คาบิบ นูร์มาโกเมดอฟ เช่นกัน
หากแม้เขาจะมีต้นทุนชีวิตเพียงแค่น้อยนิด เนื่องจากว่าเกิดขึ้นมาในครอบครัวที่ยากจน (ในภาพยนตร์ คอเนอร์ ยังโชว์จดหมายโดนทวงหนี้ของตนเองให้ตากล้องมอง ระหว่างที่กำลังถ่ายทำ) แต่ว่าตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีสักครั้งเดียวที่ คอนเนอร์ จะลังเลจากจุดหมาย หรือยอมแพ้จากความฝันที่ห่างไกล เพียงแค่เพราะข้อจำกัดในชีวิต
ทางตรงข้าม พวกเราได้เห็นว่า คอเนอร์ มุ่งมั่นตั้งใจและก็จุดโฟกัสกับจุดมุ่งหมายของตนเองมากแค่ไหน เริ่มจากในปี 2008 คอเนอร์ได้เข้ามาต่อสู้ในศึก Cage Warriors สังเวียนมวยกรงเกรดรอง เขารู้ดีว่าถ้าเกิดเขาชนะแล้วก็ครองแชมป์มาได้ 2 เส้น จะทำให้ สนใจดึง ตัวเขาไปร่วมศึก โน่นทำให้เขาพยายามพัฒนาตัวเอง อุทิศตัวเองให้กับการทำงานหนัก เพื่อผลลัพธ์บนสังเวียนการต่อสู้
คอเนอร์ เป็นนักกีฬาที่มีระเบียบวินัยสูง ให้ความสำคัญกับการฝึกหัดอย่างยิ่ง เขาบอกว่า ตัวเองไม่สามารถหยุดฝึกหัดได้เลย ถ้าเกิดไม่ฝึก เขาจะรู้สึกยังไม่แน่ใจ แม้กระนั้นสิ่งที่ทำให้เขามั่นใจเกินความสามารถนั้น มาจากการทำงานหนักระหว่างการฝึกซ้อมมาก
โปรแกรมการฝึกฝนของเขา ลากยาวตั้งแต่ตอนเช้าไปถึงดึกดื่น เขายกตัวอย่าง วันจันทร์เขาจะฝึกซ้อม ยิวยิตสู 10 ชูในช่วงเวลาเช้า ต่อด้วยช่วงเวลาเย็น ซ้อมชกมวย 8 ยก, วันอังคาร ฝึกต่อยแบบจัดเต็ม 9 ชู วันเสาร์ซ้อมต่อสู้แบบ MMA 15 ยก, วันอาทิตย์ กีฬายกน้ำหนัก บริหารร่างกายแบบคาร์ดิโอ ฯลฯ
คอเนอร์ เคยได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้าบริเวณหัวเข่าฉีดขาด สูงถึง 80 เปอร์เซนต์ ในตอนสองอาทิตย์ก่อนขึ้นชกชิงแชมป์เฉพาะกาลกับ แชด เมนเดส (Chad Mendes)
แทนที่ แม็กเกรเกอร์ จะประกาศถอนตัวเพื่อรักษา เขากลับเลือกใช้วิธีการปิดข่าว ไม่ให้ภายนอกรับรู้ ฝึกซ้อมต่อไป ควบคู่กับการว่าจ้างกลุ่มหมอ กลุ่มกายภาพมาดูแลอย่างใกล้ชิด
หรือก่อนพบกับ เนท ดิแอช เขามีปัญหาที่กระดูกหัวเข่าระหว่างการฝึกฝน ทำให้ไม่สามารถลงน้ำหนักขาได้เต็มที่ 1 ข้าง บวกกับจำต้องทำน้ำหนักขึ้นไปอีกบานตะไท จากการสละเข็มขัดรุ่น 145 ปอนด์ มาท้าทายชิงสายรัดเอวรุ่น 170 ปอนด์ ถึงแม้ทราบดีว่าเสียเปรียบแล้วก็ด้อยกว่ามากมาย แม้กระนั้นไม่มีอะไรหยุด คอเนอร์ ได้เลย
ถึงแม้ว่าผลการชกทีแรก แม็กเกรเกอร์ เป็นฝ่ายแพ้น็อก เนท ดิแอซ จากจังหวะถูกล็อกคอในยกที่ 2 แม้กระนั้นเขาก็เลือกที่กลับมาทุ่มเทกับการฝึกซ้อมมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง แม็กเกรเกอร์ เป็นผู้ที่สารภาพความจริง มากกว่าที่พวกเราคิดไว้ก่อนชมภาพยนตร์สารคดี NOTORIOUS เฟอรารี่ได้ใหญ่
“ผมสามารถหาข้ออ้างได้เป็นร้อย เป็นพัน แต่ผมแพ้แล้ว ก็จำเป็นต้องยอมรับมัน ผมสู้สุดใจแล้ว แต่ก็ยังแพ้ เท่านั้นเอง ผมทราบดีแล้วว่าแพ้เพราะเหตุใด 1.น้ำหนัก และก็ 2.การฝึกเทคนิคเฉพาะบางอย่าง ช่วงนี้ผมมีโอกาสที่จะแก้ไขมันแล้ว”