ฮีโร่บนสังเวียน แมนนี่ ปาเกียว น่าจะเป็นนักกีฬาอาเซียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จากตำนานต่างๆที่เขาฝากฝังเอาไว้ในแวดวงมวย

ฮีโร่บนสังเวียน ยอดนักต่อยฟิลิปปินส์ เป็นไอคอนของคนเราทั่วทั้งประเทศ ทุกคนรักเขาในฐานะนักมวย แล้วก็ตัวขว้างเกียวเองก็อุตสาหะจะต่อยอดความนิยมชมชอบนี้มาสนับสนุนตนเองให้ดีขึ้นทางสายการบ้านการเมือง รวมทั้งหวังถึงกับขนาดการเป็น ผู้นำของประเทศฟิลิปปินส์ เลยด้วย

ฮีโร่บนสังเวียน

ดูเผินๆคนอย่าง ปาเกียว ที่คนรักทั่วประเทศคงจะได้โอกาสชนะสำหรับในการลงคะแนน แม้กระนั้นจากคะแนนความนิยมชมชอบปัจจุบันดูเหมือนจะไม่เป็นเหมือนอย่างที่คิด

“ผมเป็นนักสู้ และก็ผมจะสู้อีกทั้งในและก็นอกสังเวียน” นี่เป็นสิ่งที่ แมนนี่ ปาเกียว แชมป์โลกมวยสากล 8 รุ่น เคยกล่าวเอาไว้เมื่อปี 2013 ซึ่งในปีนั้น เป็นจุดกำเนิดที่เขาเริ่มหันจากสังเวียนมวยสู่เวทีที่ประชุมในฐานะนักการเมืองของประเทศ https://www.musokai.org

พวกเราคงจะไม่ต้องกล่าวอะไรเยอะแยะว่า ปาเกียว ได้รับคะแนนเสียงมากมายก่ายกองแค่ไหนจากชาวประเทศฟิลิปปินส์ เขาเป็นนักกีฬาผู้ผลิตความโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก็ยืนระยะในเวทีในฐานะผู้สวมสายรัดเอวแชมป์นานเกือบจะ 20 ปี

มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็นๆที่ว่าเสียงของนักกีฬานั้นรื่นหูและก็น่าสนใจจิตใจมากกว่าเสียงนักการเมือง โดยเฉพาะนักกีฬาสุดยอดอย่าง ปาเกียว

นั้นพูดได้ว่ามีคะแนนเสียงมากยิ่งกว่านักการเมืองทุกคนในประเทศอย่างแน่แท้ เหตุผลก็เพราะเหตุว่าเมื่อคุณเป็นนักการเมืองมันใกล้จะถึงในช่วงเวลาที่คุณจำเป็นต้องเลือกข้าง เมื่อคุณเลือกเป็นมิตรกับฝั่งใดฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่งก็จะเปลี่ยนเป็นศัตรูกับคุณไปโดยปริยายในนาทีนั้น

สิ่งที่น่าสนใจเป็น เพราะเหตุไร ขว้างเกียว ก็เลยจำเป็นต้องเอาชื่อเสียงตนเองที่คน 100% ยกย่อง เอามาใช้ในทางการบ้านการเมืองซึ่งจะมีผลให้เสียงที่เคยชื่นชอบบางทีอาจหายไปถึง 50%? หัวข้อนี้ ปาเกียว เคยเล่าถึงความมุ่งมั่นว่า ชีวิตของเขามีจุดเริ่มแรกเหมือนชาวประเทศฟิลิปปินส์อีกหลายล้านคน กล่าวอีกนัยหนึ่งเป็นการเติบโตมากับความแร้นแค้น ภายใต้การมิได้รับการแลเหลียวจากผู้กุมอำนาจ ข่าวมวย วันนี้

ฮีโร่บนสังเวียน

โดยเหตุนั้น เมื่อเขามาถึงจุดที่บรรลุผลสำเร็จสูงที่สุด มีอำนาจ ความโด่งดัง แล้วก็ทรัพย์สิน เขารู้สึกว่าตนเองได้มองเห็นปัญหาเชิงส่วนประกอบมาไม่น้อย แล้วก็ต้องการจะเปลี่ยนชีวิตของคนรากต้นหญ้าให้ได้มีแนวทางลืมหน้าอ้าปากมากกว่าที่คนรุ่นเขาเคยเผชิญเผชิญมาก่อน

พื้นเพความอดอยากของ ปาเกียว นั้นมีหลายส่วนที่เขามีความเห็นว่ามันไม่ถูกไปจากที่จะต้องเป็น เป็นต้นว่า เขาจำต้องออกมาจากสถานที่เรียนมาดิ้นรนสู้ชีวิตที่กรุงมะนิลา เมืองหลวง ตอนอายุ 14 ทางเดียวที่เขาจะรอดชีวิตจากความอดยากเป็นการเสียสละตนเองเพื่อก้าวขึ้นมายอดเยี่ยมนักมวยให้ได้ เนื่องจากว่าขาดฐานรากในชีวิตทุกด้าน เขาไม่สามารถที่จะไปดำเนินการในที่ที่มีค่าทดแทนสูงๆได้เลยในสถานการณ์ที่ไร้การศึกษาแบบนั้น

นั่นเป็นสิ่งที่เขาบอก รวมทั้งแม้พวกเราทดลองพินิจพิจารณาเหตุผลประกอบกัน การเป็นนักกีฬานั้นเป็นอาชีพที่ไม่สามารถที่จะทำเงินหรือสร้างชื่อให้กับเขาไปได้ตลอด เมื่อวันหนึ่งเขาเลิกชกมวย การเช็ดกกล่าวถึงก็จะลดลงไปตามธรรมชาติ ฉะนั้น ถ้าเขาไม่เอาความนิยมที่มีไปต่อยอดในด้านไหนสักทางก็ดูเหมือนจะเป็นการพลาดโอกาส รวมทั้งอาจส่งผลให้ตอนปลายชีวิตจะต้องมาตกที่นั่งลำบากราวกับอดีตกาลนักกีฬาดังคนไม่ใช่น้อย แชมป์รุ่นไลท์เวทสองคน

ยิ่งกว่านั้น นักกีฬายังเป็นอาชีพที่จะต้องเสียสละตนเองมากมาย จำต้องควบคุมการรับประทานอาหารการกิน จะต้องอยู่ห่างบ้านไกลเมือง จำต้องซ้อมตลอดวันตลอดคืน วนไปอยู่แบบนั้น มันออกจะสวนกับวิถีชีวิตของผู้คนโลกปัจจุบันนี้ที่สุขสบายกับการใช้ชีวิตที่ได้กระทำตามสิ่งที่เราเองถูกใจ ต้องการรับประทานก็ได้รับประทาน อยากนอนก็ได้นอน ต้องการจะพักก็ทำเป็นสุดกำลัง ซึ่งแน่ๆว่านักการเมือง (นิดหน่อย) สามารถทำแบบนั้นได้

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลในทางบวกหรือแง่ลบ ทั้งผองไม่มีความสำคัญ เนื่องจากว่าเมื่อถึงเวลาที่สมควร แมนนี่ ขว้างเกียว ก็เดินหน้าสู่สนามการบ้านการเมืองแบบที่เขาเคยบอกมาตลอด

“เพื่อพระผู้เป็นเจ้าและก็คนยากจน” เป็นปรัชญาการเมืองที่ แมนนี่ ขว้างเกียว กล่าวในระหว่างที่เขารณรงค์หาเสียงเลือกตั้งสำหรับในการลงเลือกตั้งส.ส.ที่ประเทศฟิลิปปินส์เมื่อปี 2007 ซึ่งเวลานี้เจ้าตัวเจอความแพ้พ่าย โดยคู่ต่อสู้ด้านการเมืองของเขาถึงกับเคยพูดว่า “คนประเทศฟิลิปปินส์ยังไม่พร้อมที่จะสูญเสียไอคอนนักต่อยเป็นต้นว่าเขาไป”

แม้กระนั้น ปาเกียว ก็หาได้ยอมแพ้ไม่ เจ้าตัวสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. อีกรอบในปี 2010 ก่อนที่จะเขาจะชนะการเลือกตั้งจนได้ แล้วก็ครองตำแหน่งถึง 2 ยุค ก่อนเปลี่ยนทิศทางมาลงสมัครสมาชิกวุฒิสภารวมทั้งได้รับการเลือกตั้งเมื่อปี 2016

หลังจากได้ตำแหน่ง ปาเกียว ใช้เงินของตนเป็นทุนเกื้อหนุนแผนการปรับปรุงที่จำเป็นมากในประเทศฟิลิปปินส์อีกทั้งด้านกีฬารวมทั้งการศึกษาเล่าเรียนอย่างที่เขาบอกจริง รวมทั้งเป็นปากเสียงสำหรับการผ่านข้อบังคับจำนวนหลายชิ้น กระทั่งรักษาฐานเสียงจากคนรากต้นหญ้าได้อย่างสม่ำเสมอในขั้นแรก แม้กระนั้นนักวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองของประเทศฟิลิปปินส์ก็ออกมามีความเห็นในเวลานั้นว่า สิ่งที่ ปาเกียว ทำกำลังเป็นการเสี่ยงดวงของเขาเอง

ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐวิทยาของมหาวิทยาลัยประเทศฟิลิปปินส์ อย่าง วินนี่ มอนซอด ก็พูดว่า วิธีการเล่นการเมืองของ แมนนี่ ปาเกียว นั้นบางทีก็อาจจะงามแต่ว่ารูปจูบไม่หอม เนื่องจากแม้ว่าปากของเขาว่า ตาของเขาก็ขยิบ เมื่อนักการเมืองที่เขาร่วมงานด้วยต่างก็เป็นที่ระอาของชาวประเทศฟิลิปปินส์แล้วก็ขึ้นชื่อลือนามประเด็นการคดโกงมาตลอดในตอนยาวนานหลายปีข้างหลัง

ระหว่างที่ ราฟ บาร์โธโลมิว ผู้สื่อข่าวสายมวยของ The Athletic เขียนในบทความพินิจพิจารณาเรื่องของขว้างเกียวกับการเมืองว่า “การบ้านการเมืองจะเพิ่มชะตากรรมรวมทั้งบุญบารมี แม้กระนั้นก็จะมีผลให้คะแนนสนับสนุนของเขาตกลงไปเช่นเดียวกัน”

ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างก็เป็นไปตามศาสตราจารย์ วินนี่ มอนซอด แล้วก็ผู้สื่อข่าวอย่าง ราฟ บาร์โธโลมิว พินิจพิจารณาไว้ เมื่อเวลาผ่านไป ปาเกียว ก็จะต้องพบเจอกับของใหม่ๆที่เขาไม่เคยพบ โน่นเป็นการโดนชาวประเทศฟิลิปปินส์ตั้งปัญหากับสิ่งที่เขากล่าว และไม่พึงพอใจกับแผนการของเขา

ในปี 2016 ปาเกียว เคยพูดโจมตีกรุ๊ป LGBTQ+ ว่า “แม้ผู้ชายจับคู่กับผู้ชาย และก็ผู้หญิงจับคู่กับผู้หญิง พวกเขาก็แย่กว่าสัตว์” จุดชนวนเรียกเสียงวิจารณ์อย่างเร่าร้อนในประเทศฟิลิปปินส์ขึ้น และก็ทำให้ ไนกี้ ผู้ช่วยเหลือรายใหญ่ของปาเกียว ตกลงใจยกเลิกคำสัญญากับยอดมวยประเทศฟิลิปปินส์ในทันที ถึงแม้เจ้าตัวจะออกมาขออภัยในตอนหลังก็ตาม

นี่เป็นแบบอย่างโดยประมาณในชีวิตนักการเมืองของ ขว้างเกียว เขาสูญเสียความชื่นชอบส่วนตัวไปบ้าง และก็จำเป็นต้องพบกับการค้านของชาวประเทศฟิลิปปินส์ที่เขาไม่เคยพบ แต่ว่าอย่างไรก็ดี ภายใต้การอยู่ฝั่งเดียวกับ โรดริโก ดูแตร์เต ผู้นำของประเทศฟิลิปปินส์ ยอดนิยมจากราษฎรในประเทศอย่างดีเยี่ยมจากแผนการปราบสารเสพติด ก็ทำให้เขายังรักษาพื้นที่อำนาจเอาไว้ได้

ซึ่งแน่ๆว่าการที่ ปาเกียว อยู่ฝั่งเดียวกับ มองแตร์เต ในสังกัดพรรค PDP-Laban นั้น ก็ยังมีผลให้ทางการบ้านการเมืองของเขาผ่องใส ได้โอกาสจะรุ่งเรืองไปในตำแหน่งที่สูงขึ้น

มันควรเป็นการจับคู่ที่ไม่มีใครต่อกรได้ 1 นักกีฬาที่เป็นขวัญใจของคนทั่วประเทศ กับผู้นำยอดนิยมเป็นอย่างมาก หลายๆคนมองดูอนาคต ขว้างเกียว ว่าจะได้รับผู้กระทำรุยทางคอยให้เขาขึ้นเป็นผู้นำ

มั่นใจว่าหลายคนก็เข้าใจดีว่าวงการนี้เต็มไปด้วยผลตอบแทนและก็การชิงเหลี่ยมกันตลอดระยะเวลา เพื่อจะได้สัมผัสรสของการเป็นผู้ชนะ รวมทั้งนี่บางทีอาจจะเกิดเรื่องที่ ปาเกียว จำเป็นต้องเสียสายสโมสรกับ มองแตร์เต ที่เขารักษามาตลอดตอนยาวนานหลายปีข้างหลัง

ผลตอบแทนข้อนี้อ้างอิงมาจากประเด็นการสลับตัวแคนดิเดตผู้ท้าแข่งตำที่ผู้นำของประเทศฟิลิปปินส์ในปี 2022 เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญของประเทศฟิลิปปินส์ อนุญาตให้ผู้นำครองตำแหน่งได้เพียงแต่ยุคเดียว ช่วงเวลาสูงสุด 6 ปี รวมทั้งถ้าหากครอบครองตำแหน่งมาแล้วเกิน 4 ปี ก็จะไม่สามารถที่จะลงเลือกตั้งอีกยุคได้ ฉะนั้น มองแตร์เต จำเป็นต้องส่งไม้ถึงแม้ว่าจะคนต่อไป

แรกผู้ที่สื่อคาดคะเนกันไว้เป็น แมนนี่ ปาเกียว แต่เมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามาถึง มองแตร์เต กลับแสดงทีท่าจะสนับสนุน ซารา ดูแตร์เต-คาร์ปิโอ ลูกสาววัย 43 ปีของตนเองแทน เพื่อเลี่ยงปัญหาที่เขาบางครั้งก็อาจจะจะต้องพบเจอข้างหลังลงจากตำแหน่งไปแล้ว

การตัดสินใจของ ดูแตร์เต สร้างความรู้สึกไม่ชอบใจให้กับ ปาเกียว อย่างมาก แม้กระนั้นนี่เป็นการสอนมวยขว้างเกีฮวบนเวทีทางด้านการเมืองอย่างแท้จริง มองแตร์เตถึงกับเคยด่าปาเกียวว่า “โง่” ที่กล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขามาแล้ว ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นขว้างเกียวยังจะต้องบอบช้ำหนักเมื่อสมาชิกพรรคผู้คนจำนวนมากเห็นด้วยแล้วก็ยังเชื่อฟังดูแตร์เตอยู่ ก็เลยทำให้มีสมาชิกจำนวนหลายชิ้นร่วมมือกับดูแตร์เตสำหรับเพื่อการขวางขว้างเกียวไม่ให้ลงแย่งตำแหน่ง

แต่ว่าสิ่งที่นอกจากนั้นก็เกิดขึ้นอีก เมื่อมีการแปลงแคนดิเดตประธาหัวหน้าของฝั่งดูแตร์เตอีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว “บองบประมาณอง” เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ บุตรของสมัยก่อนผู้นำ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส หัวหน้าเผด็จการที่ถูกกล่าวโทษว่าคดโกง ลักขโมยเงินประเทศไปหลายพันล้านดอลลาร์จนถึงสามัญชนลุกฮือและก็จำต้องสละอำนาจเมื่อปี 1986

แม้ว่าจะโด่งดังด้านลบของผู้เป็นบิดา แต่ว่า มาร์กอส จูเนียร์ ก็ยังได้รับลงคะแนนเป็นผู้ว่าและก็ผู้แทนราษฎรจากจังหวัดอิโลคอส นอร์เต ถิ่นกำเนิดของพ่อ ก่อนที่จะได้รับออกเสียงเป็นพวกวุฒิสภาในปี 2010 รวมทั้งแปลงเป็นนักการเมืองยอดนิยมอย่างยิ่งทางทางเหนือของประเทศฟิลิปปินส์

เมื่อ มาร์กอส จูเนียร์ จับคู่กับ ซารา ดูแตร์เต-คาร์ปิโอ ผู้ได้เรื่องนิยมทางตอนใต้ของประเทศที่ลงชิงเก้าอี้รองประธานาหัวหน้า ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ ปาเกียว เปลี่ยนเป็นมวยรองไปในทันที